Heartbreaker (Feat.Jay z) - Mariah carey Karaoke

Heartbreaker (Feat.Jay z) - Mariah carey Karaoke

ตลอดยุค 90 ศิลปินที่ผลิตเพลงฮิตมากมายปฏิเสธการใช้แร็ปในเพลง Mariah ถือเป็นผู้บุกเบิกสำคัญในการใช้การแร็ปในเพลงป็อป แม่หมีนำ Ol' Dirty Bastard มาแร็ปในเพลง Fantasy และ Bone Thugs-N-Harmony แร็ปในเพลง Breakdown และมีการใช้ท่อนแซมเพิลในเพลงของเธอหลายเพลง ส่วนในเพลง Heartbreaker แม่หมีได้รับความช่วยเหลือจากศิลปินแร็ปผู้มากความสามารถอย่าง JAY Z โดยก่อนหน้านี้ Jay-Z ไม่เคยมีเพลงสัมผัส Top 10 มาก่อน จนกระทั่งในปี 2001 เขาถึงมีเพลงติด Top 10 ได้ Heartbreaker ไม่เพียงจะโดดเด่นในการสร้างเทรนด์ให้กับเพลงป็อป เธอยังมีวิธีร้องในเทคนิคใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน Mariah ขึ้นชื่อในการร้องเพลงบัลลาด ในเพลงนี้เธอยังแสดงให้เห็นการไต่เสียง การร้องแบบเมลิสม่าที่เธอถนัด และการร้องในช่วงเสียงที่กว้างขึ้นได้อย่างสนุกสนาน และแตะโน้ตได้สูง ๆ มีกลิ่นอายแบบเพลง Fantasy เดิมทีเพลง Heartbreaker จะใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง Glitter ผลงานการแสดงเรื่องแรกของเธอ แต่การฉายถูกเลื่อนออกไป จึงถูกบรรจุอยู่ในอัลบั้ม Rainbow นี้แทน ในปีคริสต์ศักราช 1999 ในตอนที่เริ่มทำงานอัลบั้มนี้ มารายห์ก็ตั้งใจให้อัลบั้มนี้ไปทิศทางเดียวกับอัลบั้ม Butterfly ที่ผสมผสานระหว่างเพลงบัลลาดและเพลงจังหวะฮิปฮอป หลังจากที่เริ่มพัฒนาอัลบั้ม และได้แต่งเนื้อเพลงและทำเมโลดี้ DJ Clue ที่เข้ามาร่วมในอัลบั้มนี้ตั้งแต่แรก ๆ ก็เสนอ Mariah ให้ใช้แซมเพิลเพลง Attack of the Name Game ของ Stacy Lattisaw เธอเห็นด้วย และเริ่มร่วมเขียนเนื้อและเมโลดี้ท่อนฮุก และบันทึกเสียงในที่สุด แต่แม่หมีรู้สึกว่า เพลงนี้ขาดเสียงร้องผู้ชาย เธออยากจะใช้แร็ปเปอร์ดาวรุ่งในขณะนั้นมาร่วมงาน แม่หมีเลือก Jay-Z โดยเขาเข้ามาเรียบเรียงเพลงใหม่ด้วย และใส่ท่อนแร็ปของเขาลงไป Mariah พูดถึง Jay-Z ว่า เขาเป็นนักเขียนที่เธอชื่นชมทั้งในฐานะนักเขียนเพลงและศิลปิน ทั้งคู่นั่งในสตูดิโอ และเขาก็ได้แสดงทักษะการแร็ปฟรีสไตล์ของเขา แต่ที่น่าเหลือเชื่อคือ มันพรั่งพรูออกมาจากหัวของเขา เขาไม่ต้องการปากกาหรือกระดาษ เขาสามารถจับไมค์และร้องออกมาอย่างไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนในเพลงนี้และสร้างความแปลกใหม่ให้กับเพลงได้ในทันที นอกจากนั้นเขายังได้เชิญเพื่อนซี้ Trey Lorenz มาร้องประสานในเพลงนี้ด้วย ในฉบับรีมิกซ์ มารายห์ก็ก้าวไปอีกขั้นสู่โลกดนตรีผสมผสานแนวเพลง เธอเชิญ Missy Elliott และ Da Brat มาแร็ป และใช้แซมเพิลอีกเพลง คือเพลง Ain't No Fun (If the Homies Can't Have None) ของ Snoop Dogg ในปี 1993 ซึ่งได้พูดถึงฉบับรีมิกซ์นี้ว่า "มันค่อนข้างดูเป็นเพลงแบบ girl-power เลยนะ" ส่วนในฉบับรีมิกซ์แบบคลับมิกซ์ ได้ Junior Vasquez มาช่วยมิกซ์ และเป็นการร้องเพลงเมดเลย์กับเพลง If You Should Ever Be Lonely ของ Val Young ในปี 1986 พบกับรายการ Mariah carey 3D 3DAY Karaoke presented by pepsi ได้ทุกวันจันทร์-พุธ 18.25 น. ทาง Youtube ภาณุทัช โห้สมบูรณ์ #Mariahcarey3D3DAYKaraoke อย่าลืมกด Like และ กดติดตาม กดกระดิ่งแจ้งเตือน เพื่อเป็นกำลังใจและเพื่อไม่ให้พลาดชมทุกคลิปให้ด้วยนะครับ